คุณเคยสงสัยกันไหมว่า ในแต่ละวันเราผลิตขยะพลาสติกกี่ชิ้นต่อวัน ? และคุณจัดการกับขยะเหล่านั้นอย่างไร ? จากสถิติพบว่าคนไทยสร้างขยะพลาสติกเฉลี่ยมากถึง 8 ชิ้นต่อคนต่อวัน ซึ่งขยะจำนวนมหาศาลเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกทิ้งปะปนกันโดยไม่มีการคัดแยก ทำให้ยากต่อการนำกลับมารีไซเคิล
หากต้องการสร้างประโยชน์จากพลาสติกใช้แล้ว ต้องรู้จักกับพลาสติก 7 ประเภทที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ พร้อมทั้งคุณสมบัติของพลาสติกแต่ละชนิด และตัวอย่างการนำพลาสติก 7 ประเภทนี้ไปรีไซเคิลให้เกิดประโยชน์อีกครั้ง
ประโยชน์ของการรีไซเคิลพลาสติก
การรีไซเคิลพลาสติก นำมาซึ่งประโยชน์มากมายทั้งต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม โดยสามารถแบ่งประโยชน์หลัก ๆ ได้ดังนี้
การลดปริมาณขยะในหลุมฝังกลบ
ปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณขยะพลาสติกมากกว่า 2 ล้านตันต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การรีไซเคิลจะช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปฝังกลบได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดพื้นที่แล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะของภาครัฐ ลดปัญหาการขาดแคลนพื้นที่ฝังกลบ และลดผลกระทบต่อชุมชนรอบบริเวณหลุมฝังกลบได้ด้วย นอกจากนี้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของหลุมฝังกลบที่มีอยู่ ลดภาระในการจัดหาพื้นที่ฝังกลบแห่งใหม่ซึ่งมักประสบปัญหาการต่อต้านจากชุมชน
การประหยัดทรัพยากรและพลังงาน
การรีไซเคิลพลาสติกช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตพลาสติกใหม่ โดยเฉพาะน้ำมันดิบซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตพลาสติก จากการศึกษาพบว่า การรีไซเคิลพลาสติก 1 ตัน สามารถประหยัดน้ำมันดิบได้ประมาณ 1,000-2,000 ลิตร นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดพลังงานในกระบวนการผลิต เนื่องจากการรีไซเคิลใช้พลังงานน้อยกว่าการผลิตพลาสติกจากวัตถุดิบใหม่ถึง 50-70% จึงช่วยลดต้นทุนการผลิตและประหยัดทรัพยากรธรรมชาติสำหรับคนรุ่นต่อไปได้
การลดมลพิษและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การรีไซเคิลพลาสติกมีส่วนสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหลายด้าน ได้แก่
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตพลาสติกใหม่ ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน
- ลดมลพิษทางอากาศจากการเผาขยะพลาสติกที่ปล่อยสารพิษอันตราย
- ลดปัญหาขยะพลาสติกในทะเลที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตทางทะเล
- ลดการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารและส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์และสัตว์
- ลดการรั่วไหลของสารเคมีจากขยะพลาสติกที่ปนเปื้อนในดินและแหล่งน้ำ
นอกจากนี้ การรีไซเคิลยังช่วยสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่สังคม กระตุ้นให้เกิดการคัดแยกขยะที่ต้นทาง และสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการและแรงงานในอุตสาหกรรมรีไซเคิล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน
แนะนำพลาสติก 7 ประเภทที่รีไซเคิลได้
พลาสติกประเภทที่ 1: PET (Polyethylene Terephthalate)
พลาสติก PET เป็นพลาสติกใสที่พบได้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน มีความแข็งแรง ทนทาน และป้องกันการซึมผ่านของก๊าซได้ดี มักใช้ผลิตขวดน้ำดื่ม ขวดน้ำอัดลม และบรรจุภัณฑ์อาหาร เมื่อนำมารีไซเคิลสามารถแปรรูปเป็นเส้นใยโพลีเอสเตอร์สำหรับผลิตเสื้อผ้า พรม และวัสดุบรรจุภัณฑ์ใหม่ได้
พลาสติกประเภทที่ 2: HDPE (High-Density Polyethylene)
พลาสติก HDPE มีความแข็งแรงสูง ทนความร้อนและสารเคมี นิยมใช้ทำขวดนม ขวดแชมพู และถุงชอปปิง สามารถนำมารีไซเคิลเพื่อผลิตเป็นท่อ ถังขยะ กล่องพลาสติก และเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งได้
พลาสติกประเภทที่ 3: PVC (Polyvinyl Chloride)
พลาสติก PVC มีความแข็งแรง ทนทานต่อสารเคมี และมีราคาถูก นิยมใช้ในงานก่อสร้าง เช่น ท่อ วงกบประตู-หน้าต่าง และแผ่นหลังคา สามารถนำมารีไซเคิลเป็นวัสดุก่อสร้าง พื้นสนามเด็กเล่น และแผ่นปูพื้นได้
พลาสติกประเภทที่ 4: LDPE (Low-Density Polyethylene)
พลาสติก LDPE มีความยืดหยุ่นสูง นิยมใช้ทำถุงพลาสติก ฟิล์มห่ออาหาร และบรรจุภัณฑ์อ่อนตัว สามารถนำมารีไซเคิลเป็นถุงขยะ ถุงชอปปิง หรือวัสดุกันกระแทกได้
พลาสติกประเภทที่ 5: PP (Polypropylene)
พลาสติก PP ทนความร้อนสูง ไม่ละลายในสารเคมี นิยมใช้ทำบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารร้อน กล่องใส่อาหาร และชิ้นส่วนยานยนต์ เมื่อนำมารีไซเคิลสามารถผลิตเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ กล่องเก็บของ หรือไม้เทียมได้
พลาสติกประเภทที่ 6: PS (Polystyrene)
พลาสติก PS มีน้ำหนักเบา ราคาถูก แต่เปราะบาง นิยมใช้ทำกล่องโฟม ถ้วยกาแฟ และบรรจุภัณฑ์กันกระแทก สามารถนำมารีไซเคิลเป็นไม้แขวนเสื้อ กรอบรูป และวัสดุฉนวนได้
พลาสติกประเภทที่ 7: OTHER (อื่น ๆ)
พลาสติกประเภทที่ 7 เป็นพลาสติกประเภทอื่น ๆ ที่ไม่จัดอยู่ใน 6 ประเภทแรก มักเป็นพลาสติกที่มีส่วนผสมหลายชนิด ดังนั้นการรีไซเคิลจึงทำได้ยากกว่า แต่สามารถนำมาอัดแน่นเพื่อทำเป็นม้านั่ง รั้ว และวัสดุก่อสร้างได้
ความสำคัญของการจำแนกประเภทพลาสติกเพื่อการรีไซเคิล
การจำแนกประเภทพลาสติก ถือเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการรีไซเคิล เนื่องจากพลาสติกแต่ละประเภทมีโครงสร้างทางเคมีและคุณสมบัติทางกายภาพที่แตกต่างกัน การหลอมพลาสติกต่างประเภทรวมกันจะทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพต่ำ ไม่สามารถนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ พลาสติกบางชนิดต้องใช้อุณหภูมิในการหลอมละลายที่แตกต่างกัน การปะปนกันอาจทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของพลาสติกบางส่วน หรือไม่หลอมละลายสมบูรณ์ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีความแข็งแรงลดลง อายุการใช้งานสั้น และอาจเกิดอันตรายจากสารเคมีที่ตกค้างในกระบวนการผลิต การคัดแยกที่ถูกต้องจึงช่วยให้กระบวนการรีไซเคิลมีประสิทธิภาพและได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานที่ต้องการ
วิธีการแยกและจัดการขยะพลาสติก
การจัดการขยะพลาสติกอย่างถูกวิธี เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการรีไซเคิล เริ่มจากการแยกพลาสติกตามประเภทโดยสังเกตสัญลักษณ์รีไซเคิลที่ก้นภาชนะ จากนั้นทำความสะอาดให้ปราศจากคราบอาหารและสิ่งปนเปื้อน ตากให้แห้งสนิทเพื่อป้องกันเชื้อรา แยกส่วนประกอบต่าง ๆ เช่น ฝา ฉลาก และจัดเก็บแยกตามประเภทในที่แห้งและมิดชิด
สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโรงงานฉีดพลาสติกและขึ้นรูปพลาสติกรีไซเคิลด้วยวิธีต่าง ๆ เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้บริการ Molder Enterprise ผู้ให้บริการผลิตแม่พิมพ์และขึ้นรูปพลาสติกด้วยเครื่องจักรที่ได้มาตรฐาน ส่งมอบงานตรงเวลา ช่วยคุณได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพทุกชิ้น สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ โทร. 034-476-173
ข้อมูลอ้างอิง
- ขยะพลาสติกที่คุณใช้แล้วไปไหนบ้าง. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.thaiplastics.org/document_page.php?id=1210
- ขยะพลาสติก. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.onep.go.th/ขยะพลาสติก/
- Which Plastic Can Be Recycled?. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.plasticsforchange.org/blog/which-plastic-can-be-recycled